วันอังคารที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2561




ครั้งที่ 3
วันอังคาร ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2561

 ความรู้ที่ได้รับ

             การเรียนการสอนวันนี้ได้เรียนเกี่ยวกับทฤษฏีที่เกี่ยวกับพัฒนาการของเด็กปฐมวัย และท้ายคาบอาจารย์ได้มอบหมายงานให้แต่ละกลุ่มไปทำเพื่อมานำเสนอในสัปดาห์ถัดไป




 รูป บรรยากาศการเรียน


ทฤษฎีพัฒนาการด้านจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์
            ซิกมันด์ ฟรอยด์ (Sigmond Freud) เป็นนักจิตวิทยาชาวออสเตรียที่มีความเชื่อว่าพัฒนาการบุคลิกภาพของคนขึ้นอยู่กับการตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานทางด้านสรีระ หรือที่เขาเรียกว่าแรงขับโดยสัญชาติญาณ
พัฒนาการบุคลิกภาพของคนขึ้นอยู่กับการตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานทางด้านสรีระ หรือที่เขาเรียกว่าแรงขับโดยสัญชาติญาณแรงขับโดยสัญชาติญาณ  แรงขับ ดังกล่าวมี 3 ประเภท ได้แก่ แรงขับทางเพศหรือความต้องการตอบสนองทางเพศ (libido) แรงขับหรือความต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ (life-preserving drive) และแรงขับหรือความต้องการที่จะแสดงความก้าวร้าว (aggressive drive)

ทฤษฎีพัฒนาการด้านจิตสังคมของอีริคสัน
           อีริค อีริคสัน (Erik H. Erikson) เป็นนักจิตวิทยา  พัฒนาการที่มีชื่อเสียงและให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากมีแนวคิดว่าวัยเด็กเป็นวัยที่สำคัญและพร้อมเรียนรู้สิ่งแวดล้อมรอบตัว วัยเด็กเป็นวัยที่สำคัญและพร้อมเรียนรู้สิ่งแวดล้อมรอบตัว หากประสบการณ์และสภาพแวดล้อมรอบตัวเด็กดี เด็กจะมองโลกในแง่ดี มีความเชื่อมั่นในตนเองในทางตรงกันข้ามหากประสบการณ์และสภาพแวดล้อมไม่ดีไม่เอื้อหรือส่งเสริมต่อการเรียนรู้ของเด็ก เด็กจะกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย ไม่ไว้วางใจผู้อื่น ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง

ทฤษฎีวุฒิภาวะของกีเซล
           อาร์ตโนลด์ กีเซล  (Arnold Gesell) เป็นนักจิตวิทยาที่มีความเชื่อในเรื่องของความเจริญเติบโตตามวุฒิภาวะ โดยกล่าวว่า “วุฒิภาวะเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ อย่างมีระเบียบ โดยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งเร้าภายนอก” “วุฒิภาวะเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอย่างมีระเบียบ โดยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งเร้าภายนอก” กีเซลเชื่อว่าพฤติกรรมของเด็กจะเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงทางสรีระวิทยา ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมขึ้น การฝึกฝนหรือการเรียนรู้ไม่ว่าลักษณะใดก็ตาม จะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์และเป็นการเสียเวลาโดยใช่เหตุ ถ้าหากร่างกายยังไม่พร้อมหรือยังไม่มีวุฒิภาวะ

ทฤษฎีพัฒนาการด้านการรู้คิดของเพียเจท์
          ฌอง เพียเจท์ (Jean Piaget) นักจิตวิทยาชาวสวิส ได้ทำการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กและพัฒนาการทางสติปัญญาพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กและพัฒนาการทางสติปัญญา ตามแนวความคิดของเพียเจท์ ได้อธิบายถึงพัฒนาการทางความคิดและสติปัญญาในความเห็นของเขาว่า บุคคลสามารถคิด ดัดแปลงความคิดและแสดงความคิดของตนออกมาได้ ย่อมเป็นผลมาจากขบวนการปรับเข้าสู่โครงสร้าง (assimilation) และการจัดปรับขยายโครงสร้าง (accommodation) โดยผลของการทำงานดังกล่าวจะเกิดเป็นโครงสร้างขึ้น (schema)

ทฤษฎีพัฒนาการทางจริยธรรมของโคลเบิร์ก
                ลอเรนซ์ โคลเบิร์ก (Lowrence Kohlberg) เป็นนักจิตวิทยาชาวอเมริกัน ได้ศึกษาค้นคว้าทางด้านพัฒนาการทางจริยธรรม ซึ่งได้รับอิทธิพลความคิดและผลงานมาจากเพียเจท์ โดยโคลเบอร์กเห็นด้วยว่าพัฒนาการทางการคิดเป็นพื้นฐานของพัฒนาการทางจริยธรรมเช่นเดียวกับเพียเจท์ซึ่งพัฒนาการทางจริยธรรมของบุคคลจะมีลำ ดับขั้นเช่นเดียวกับพัฒนาการด้านอื่น ๆ และมีแนวคิดว่าพัฒนาการทางจริยธรรมของแต่ละบุคคล จะแตกต่างกันและมีระยะเวลาของการพัฒนาในแต่ละขั้นต่างกัน

ทฤษฎีพัฒนาการทางความคิดความเข้าใจของบรุนเนอร์
             เจอโรม บรุนเนอร์     (Jerome.S.Bruner) ได้เสนอทฤษฎีเกี่ยวกับพัฒนาการทางการคิดและใช้เหตุผล (Cognitive) โดยอาศัยแนวคิดของเพียเจท์เป็นหลัก
พัฒนาการทางความคิดความเข้าใจ เกิดจากสิ่งต่อไปนี้
        1. การให้เด็กทำสิ่งต่างๆ อย่างมีอิสระมากขึ้น
2. การเรียนสัญลักษณ์ที่ใช้แทนสิ่งต่างๆ
3. พัฒนาการทางความคิด
4. ผู้สอนและผู้เรียนมีความสัมพันธ์กันอย่างมีระบบ
5. ภาษาเป็นกุญแจของการพัฒนาด้านความคิด
6. การพัฒนาทางความคิด
พัฒนาการทางสติปัญญาและการคิดของมนุษย์

แบ่งเป็น 3 ขั้น ดังนี้
1. Enactive Stage
2. Iconic representation Stage
3. Symbolic representation stage
ลำดับขั้นการสอนอย่างมีเหตุผล
        ขั้นที่ 1 การสอนควรเริ่มด้วยการให้ผู้เรียนสัมผัสสิ่งต่าง ๆ ที่เรียน
ขั้นที่ 2 การสอนควรเน้นให้เด็กเกิดการพัฒนาขึ้นเพื่อให้เด็กได้รับรู้อย่างแจ่มแจ้ง ครูควรเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์หรือเลือกเหตุการณ์ที่เด่นชัดและเป็นรูปธรรมมากกว่านามธรรม
ขั้นที่ 3 จัดให้มีการอภิปรายระหว่างเด็กในกลุ่มที่เรียนร่วมกันเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ เนื้อหาที่เรียนเพื่อให้เด็กใช้ภาษาและเกิดการพัฒนาขั้นรูปธรรม



 รูป บรรยากาศการเรียน

ประเมินตนเอง    :  ตั้งใจเรียนตั้งใจฟังอาจารย์สอนไม่พูดคุยเสียงดัง ให้ความร่วมมือในการเรียนได้ดี
ประเมินเพื่อน      :  ตั้งใจฟังสิ่งที่อาจารย์บอกได้ดี ตั้งใจเรียนและฟังไม่พูดคุยกันเสียงดัง 
ประเมินอาจารย์  :  สอนไม่เครียดจนเกินไป อธิบายชัดเจน มีภาพและวีดีโอให้นักศึกษาดูเพื่อเพิ่มความเข้าใจ ทำให้นักศึกษาเข้าใจมากขึ้น และสอนสนุกสนาน

   

          

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น